Background



ประชาสัมพันธ์
เทศบาลตำบลคึกคัก (กองการศึกษา ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก) ขอประชาสัมพันธ์ การอ่านหนังสือให้ลูกฟัง ดีอย่างไร
21 มิถุนายน 2562

176


เทศบาลตำบลคึกคัก (กองการศึกษา ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก) ขอประชาสัมพันธ์ การอ่านหนังสือให้ลูกฟัง ดีอย่างไร
การ อ่านหนังสือให้ลูกฟัง นอกจากจะเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวแล้ว ยังช่วยเสริมพัฒนาการในด้านต่าง ๆ ให้ลูกได้ในหลาย ๆ ด้าน 
1.ลูกได้เรียนรู้จากการฟังและดู
เมื่อคุณพ่อคุณแม่อ่านหนังสือให้ลูกฟัง ตาของเด็กก็จะได้มองภาพในหนังสือ พร้อมฟังเรื่องราวที่คุณพ่อคุณแม่อ่าน หรือเล่าให้เขาฟัง ทำให้เด็กเกิดการเรียนรู้จากการฟังและดู ได้รู้ว่าภาพที่เห็นคืออะไร เรียกว่าอะไร มีรูปร่างหน้าตาอย่างไร
2.ทำให้ลูกเกิดจินตนาการ
นอกจากจะได้เรียนรู้จากการฟังและดูแล้ว การอ่านหนังสือให้ลูกฟัง ยังเป็นการสร้างให้ลูกเกิดจินตนาการจากการติดตามเรื่องราวที่ได้ฟัง
3.กระตุ้นสมองให้ลูกรู้จักคิดและเรียนรู้
ในขณะที่คุณพ่อคุณแม่อ่านหนังสือ หรือเล่านิทานจากหนังสือให้ลูกฟัง ยิ่งถ้ามีการตั้งแง่คิด ถามคำถามชวนให้ลูกตอบ ก็จะยิ่งทำให้ลูกอยากรู้อยากเห็น และยิ่งลูกได้คิดบ่อย ๆ ก็จะทำให้สมองลูกพัฒนามากขึ้นตามไปด้วย
4.พัฒนาทักษะด้านภาษา
ขณะที่อ่านหนังสือให้ลูกฟัง หากคุณพ่อคุณแม่ใช้สำเนียงการพูดที่หลากหลาย ภายใต้น้ำเสียงที่อ่อนโยน และเติมสีสัน จังหวะจะโคนแบบต่าง ๆ ไปตามเนื้อเรื่องให้น่าสนใจ ลูกจะค่อย ๆ จดจำสำนวนภาษาแบบต่างๆ เพิ่มคลังความรู้เรื่องคำศัพท์ รู้จักการอ่านออกเสียงที่ถูกต้องตามพ่อแม่ นำไปสู่การเรียนรู้ภาษาจากประสาทสัมผัสทางหู ลูกจะเก็บคำที่ได้ยิน และเมื่อมีการชี้ตามคำในแต่ละหน้า จะทำให้เด็กคุ้นเคยกับสัญลักษณ์ตัวอักษรต่าง ๆ เมื่อถึงวัยเข้าโรงเรียน จะช่วยเพิ่มทักษะการอ่าน และการเรียนรู้ ทั้งเรื่องของภาษา การคำนวณ การคิด และมีผลการเรียนที่ดี
5.เสริมสร้างความสัมพันธ์
การอ่านหนังสือให้ลูกฟังก่อนนอนทุกคืน จะช่วยสร้างความผูกพันระหว่างพ่อแม่ลูก เป็นความรู้สึกดี ๆ ที่จะอยู่กับลูกไปจนโต และสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยังช่วยให้ครอบครัวอบอุ่น และจะช่วยเหนี่ยวรั้งลูกให้มีพฤติกรรมที่ดีได้
***เคล็ดลับอ่านหนังสือให้ลูกฟัง***
1.ตั้งใจอ่านอย่างอบอุ่น
จับลูกนั่งตัก อยู่ในท่าทางที่สบาย ในบรรยากาศผ่อนคลาย อาจจะเป็นช่วงกลางวัน หรือตอนก่อนนอนก็ได้ ขณะที่อ่านหนังสือให้ลูกฟังนั้น คุณพ่อคุณแม่สามารถเติมสีสันการอ่านด้วยน้ำเสียงที่สนุกสนานหรือตื่นเต้น โดยอาจจะชี้นิ้วไปตามรูปภาพหรือตัวอักษร และคอยซักถาม หรือชวนลูกคิดตามไปด้วยก็จะช่วยเสริมพัฒนาการให้ลูกได้
2.สร้างกิจกรรมหลังการอ่าน
คุณพ่อคุณแม่อาจจะพาลูกไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ หลังจากอ่านเรื่องเกี่ยวกับไดโนเสาร์ให้ลูกฟัง หรือถ้าอ่านหนังสือนิทานที่มีนก หรือผีเสื้อ ก็พาลูกไปดูของจริงที่สวนนก เป็นต้น
3.เลือกหนังสือให้เหมาะกับวัย
***วัยก่อน 1 ปี ควรเลือกหนังสือที่มีภาพขนาดใหญ่ ทำด้วยวัสดุที่ปลอดภัย มีความทนทาน และมีสีสันสดใส
***วัย 1-2 ปี ควรเลือกหนังสือที่มีภาพคนและสัตว์ เป็นเรื่องราวสั้น ๆ มีคำคล้องจอง ใช้อักษรตัวใหญ่ กระดาษหนา ทนทาน มีขนาดที่ให้เด็กเปิดได้ง่าย
***ช่วง 2-3 ปี เนื้อหาควรเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสิ่งรอบตัวและกิจวัตรประจำวันง่าย ๆ ที่ลูกสามารถทำตามได้
***ช่วง 4-6 ปี เนื้อหาหรือเรื่องราวต้องทำให้ลูกเกิดอารมณ์ร่วม ที่จะไปเชื่อมโยงกับการเรียนรู้รอบ ๆ ตัว มีภาษาที่สละสลวย ไพเราะ ที่สำคัญคือ ตัวอักษรที่ใหญ่ ชัดเจน มีหัว เพื่อลูกจะได้จำรูปแบบตัวอักษร รูปแบบคำ และรูปแบบประโยคอย่างถูกต้อง และควรเลือกหนังสือที่มีเนื้อเรื่องที่จะช่วยบ่มเพาะนิสัยที่ดีให้เก็บเด็ก เช่น การดูแลสุขภาพ การมีวินัย