Background



ภาพกิจกรรม
ขอความร่วมมือร้านค้า ที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เรื่อง กําหนดเวลาห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2558 อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 4 และมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551
166
14 มิถุนายน 2562

เทศบาลตำบลคึกคัก(งานเทศกิจ) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอตะกั่วป่าเข้าร่วมตรวจสอบและขอความร่วมมือร้านค้า ที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นอกเวลาที่กฎหมายกำหนดตั้งแต่เวลา11.00-14.00น. และตั้งแต่เวลา 17.00-24.00น.
สาระสำคัญ
ราชกิจจานุเบกษา ประกาศกําหนดเวลาห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใหม่ ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฝ่าฝืนมีโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 10,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับที่เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กําหนดเวลาห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2558อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 4 และมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 มีสาระดังนี้ 
***
ห้ามผู้ใดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเวลาอื่น นอกจากตั้งแต่เวลา 11.00-14.00น. และตั้งแต่เวลา 17.00-24.00น.

***ยกเว้นการขายในกรณี ดังต่อไปนี้
1. การขายในอาคารท่าอากาศยานนานาชาติ
2. การขายในสถานบริการซึ่งเป็นไปตามกําหนดเวลาเปิด-ปิด ของสถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ โดยกฎหมายใหม่นี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้ (23 มกราคม 2558) เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ทางด้าน นพ.สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กล่าวว่า หลักการใหญ่ ๆ ของกฎหมายฉบับนี้ยังเหมือนเดิมคือ รวมเวลาขายทั้งหมดเพียง 10 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ทางท่าอากาศยานยังเหมือนเดิม ส่วนทางสถานบริการ จากเดิมจะอยู่ที่เวลา 21.00-02.00น.แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นขายได้ถึงเที่ยงคืนเท่านั้น เท่ากับว่า สถานบริการจะขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้เพียง 5 ชั่วโมง ซึ่งน้อยกว่าร้านค้าทั่วไป
***
สำหรับสาเหตุที่ต้องออกกฎหมายใหม่มาควบคุมแทนฉบับเดิมนั้น นพ.สมาน ระบุว่า ฉบับเดิมมีปัญหามาก เพราะว่าไม่ครอบคลุมทั้งหมด แต่ในฉบับใหม่จะครอบคลุมร้านทุกประเภท ขณะที่เรื่องกำหนดเวลา กฎหมายฉบับเดิมกำหนดว่า หากซื้อไม่เกิน 10 ลิตร ต้องซื้อตามเวลากำหนด แต่หากซื้อเกิน 10 ลิตรขึ้นไป สามารถซื้อได้ทุกเวลา ส่วนกฎหมายฉบับใหม่นั้น จะไม่คำนึงว่าซื้อมากหรือน้อยหรือมีใบอนุญาตหรือไม่ แต่หากขายเกินเวลากำหนด มีโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 10,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ เท่าเทียมกัน